Tuesday, 18 March 2025

สาส์นของพระสันตะปาปาฟรานซิส โอกาสวันผู้อพยพย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัยสากล ครั้งที่ 108 ปี ค.ศ.2022

25 Sep 2022
318

เจริญพรมายังลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รักทุกคน

          ความหมายสุดท้ายแห่ง “การเดินทาง” ของพวกเราในโลกนี้คือการแสวงหาบ้านเกิดเมืองนอนที่แท้จริงของพวกเรา ได้แก่พระอาณาจักรของพระเจ้าที่เริ่มต้นโดยพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะสำเร็จบริบูรณ์เมื่อพระองค์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์ พระอาณาจักรของพระองค์ยังไม่สำเร็จลุล่วงไปแม้ว่าจะมีอยู่แล้วในผู้ที่ได้รับความรอดที่พระองค์ทรงนำเสนอให้พวกเรา “พระอาณาจักของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวพวกเรา แม้ว่ายังจะเป็นเรื่องของวันสุดท้ายในอนาคตแห่งโลกและแห่งมนุษยชาติ แต่ในเวลาเดียวกันพระองค์ก็ประทับอยู่ในตัวพวกเราด้วย” [1]

          อาณาจักรที่จะมาถึงนั้นเป็น “อาณาจักรที่มีรากฐานและสถาปนิก ผู้สร้างสรรพสิ่งสรรพสัตว์เป็นพระเจ้า” (ฮบ. 11: 10) แผนงานของพระองค์เรียกร้องให้พวกเราต้องช่วยกันสร้างอย่างเข็มแข็ง ซึ่งพวกเราทุกคนต้องมีส่วนร่วมด้วยตัวตนเอง หมายถึงต้องใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถที่มุ่งไปยังการกลับใจส่วนตัวและการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่ความจริง เพื่อที่จะได้สอดคล้องกันกับพระประสงค์ของพระเจ้า วิบัติแห่งประวัติศาสตร์เตือนใจพวกเราว่าพวกเรายังอยู่ห่างไกลแค่ไหนที่จะไปให้ถึงเป้าหมายแท้จริงในชีวิตนั่นคือเยรูซาเล็มใหม่ “อันเป็นที่ประทับของพระเจ้าท่ามกลางมนุษย์” (วว. 21: 3) แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราต้องหมดกำลังใจ พวกเราถูกเรียกร้องให้ต้องฟื้นฟูหน้าที่การสร้างอนาคตที่สอดคล้องกันกับแผนการของพระเจ้าที่มีต่อชาวโลกที่ทุกคน ซึ่งสามารถดำเนินชีวิตได้ในสันติสุขและอย่างมีศักดิ์ศรี

          “พวกเรารอคอยสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่งจะมีก็แต่ความชอบธรรม” (2 ปต. 3: 13) ความชอบธรรมเป็นอิฐก่อสร้างก้อนหนึ่งแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า ในความพยายามแต่วันของพวกเราที่คิดไตร่ตรองในการกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ความยุติธรรมจำเป็นต้องสร้างขึ้นด้วยความเพียรทน การเสียสละ และการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เพื่อทุกคนที่หิวกระหายจะได้มีความพอใจ (เทียบ มธ. 5: 6) ความชอบธรรมแห่งพระอาณาจักรต้องเข้าใจว่าเป็นความสำเร็จตามแผนการของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์และเสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพจากความตาย สรรพสิ่งสรรพสัตว์ทั้งปวงจะกลับไปสู่ความดีดั้งเดิมของสิ่งเหล่านั้น และมนุษย์ทุกคนจะกลายเป็น “บุคคลที่ดีมาก” อีกครั้งหนึ่ง (ปฐก. 1: 1-31) ทว่ากว่าที่จะเกิดความสมานฉันอันน่าอัศจรรย์นี้ที่จะมาถึง พวกเราต้องยอมรับการไถ่กู้ของพระเยซูคริสต์ พระวรสารแห่งความรักของพระองค์ เพื่อขจัดความเลวร้ายในลักษณะหลากหลายรูปแบบของความไม่เท่าเทียมกันและการแบ่งพรรคแบ่งพวกในโลกปัจจุบันให้หมดสิ้นไป

          ดังนั้นจะต้องไม่มีการตัดผู้ใดออกไปจากสังคม แผนการของพระเจ้าครอบคลุมและให้ความสำคัญกับผู้ที่มีชีวิตอยู่ตามชายขอบสังคม ท่ามกลางพวกเขานั้นมีผู้อพยพผู้ย้ายถิ่นฐาน และผู้ที่ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายของการค้ามนุษย์จำนวนมาก พระอาณาจักรของพระเจ้าต้องถูกสร้างขึ้นพร้อมกันกับพวกเขา  เพราะว่าถ้าปราศจากพวกเขาก็จะไม่เป็นพระอาณาจักรที่พระเจ้าทรงต้องการ การรวบรวมบุคคลที่เปราะบางเข้ามาด้วยเป็นเงื่อนไขจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะเป็นประชากรที่สมบูรณ์ในพระอาณาจักรของพระเจ้า อันที่จริงแล้วพระเจ้าตรัสว่า “จงเข้ามาเถิดท่านที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของพวกเรา จงรับพระอาณาจักรที่เตรียมไว้สำหรับท่านตั้งแต่สร้างสรรพสิ่งสรรพสัตว์ เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านก็ให้อาหารพวกเรา เมื่อเรากระหายท่านก็ให้น้ำเราดื่ม เมื่อเราเป็นคนแปลกหน้าท่านก็ต้อนรับเรา เมื่อเราเปลือยเปล่าท่านก็ให้เสื้อผ้าเรา เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็ดูแลรักษาเรา เมื่อเราติดคุกท่านก็มาเยี่ยมเรา” (มธ. 25: 34-36)

          การสร้างอนาคตกับผู้อพยพลี้ภัย ยังหมายถึงการรับรู้และให้คุณค่าว่าพวกเขาแต่ละบุคคลสามารถที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างชีวิตในสังคมอย่างไร พ่อใคร่ที่จะเห็นวิธีการกับการอพยพที่ชี้ให้เห็นในวิสัยทัศน์ของประกาศกอิสยาห์ ซึ่งถือว่าคนต่างด้าวไม่ใช่ผู้รุกรานหรือผู้ทำลาย แต่เป็นคนงานซึ่งพร้อมที่จะช่วยสร้างกำแพงแห่งกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เยรูซาเล็มที่เปิดประตูกว้างให้กับทุกคน (เทียบ อสย. 60: 10-11)

          ในคำทำนายของประกาศกอิสยาห์นั้นการเข้ามาของคนต่างชาติถูกแสดงออกมาว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่งคั่งสมบูรณ์ “ความสมบูรณ์แห่งท้องทะเลจะถูกนำมามอบให้ท่าน ความร่ำรวยแห่งชาติจะมาสู่ท่าน” (อสย. 60: 5) อันที่จริงประวัติศาสตร์สอนพวกเราว่า ความช่วยเหลือของผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเป็นพื้นรฐานแห่งการเจริญเติบโตด้านสังคมเศรษฐกิจแห่งสังคมของพวกเรา นี่ยังคงเป็นความจริงในยุคสมัยของพวกเรา ทั้งการงานของพวกเขา ความหนุ่มแน่นของพวกเขา ความกระตือรือร้นของพวกเขาและความเต็มใจของพวกเขาที่จะเสียสละจะทำให้ชุมชนที่ให้การต้อนรับพวกเขามีความมั่งคั่งสมบูรณ์ ทว่าการให้ความช่วยเหลือนี้ยิ่งจะมีความสำคัญขึ้นไปอีกหากจะเพิ่มผลและรับการสนับสนุนด้วยโครงการพัฒนาและความคิดริเริ่ม ศักยภาพนั้นมีอยู่มากมายซึ่งพร้อมที่นำเอาออกมาใช้ถ้าหากพวกเขามีโอกาส

          ในคำพยากรณ์ของประกาศกอิสยาห์ที่ว่าผู้อาศัยในมหานครเยรูซาเล็มใหม่จะเปิดประตูนครกว้างอยู่เสมอเพื่อที่คนต่างด้าวจะได้เข้าไปพร้อมกับนำของขวัญมาด้วย “ประตูจะเปิดกว้างเสมอทั้งกลางวันและกลางคืนโดยที่ไม่มีการปิด เพื่อที่ชนชาติต่างๆจะได้นำความร่ำรวยมั่งคั่งมาให้ท่าน” (อสย. 60: 11) การเข้ามาของผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเป็นการท้าทายอันใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นโอกานสอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันสำหรับการพัฒนาวัฒนธรรมและชีวิตฝ่ายจิตสำหรับทุกคน ดังนั้นต้องขอบคุณพวกเขา พวกเรามีโอกาสที่จะเข้าใจโลกของพวกเราได้ดียิ่งขึ้นรวมถึงความสวยงามที่หลากหลายของสรรพพสิ่งสรรพสัตว์  พวกเราสามารถพัฒนาความเป็นมนุษย์ร่วมกันของชาวเราและสามารถที่จะร่วมกันสร้างจิตสำนึกที่ยิ่งใหญ่กว่าด้วยกัน การเปิดใจกว้างให้กันและกันจะเปิดพื้นที่ให้มีการแลกเปลี่ยนที่บังเกิดผลต่อกันและกันระหว่างวิสัยทัศน์และขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างกันพร้อมกับเปิดใจสู่ขอบฟ้าใหม่ นอกนั้นสิ่งนี้จะพาให้พวกเราได้พบกับความมั่งคั่งสมบูรณ์ที่มีอยู่ในศาสนา และรูปแบบแห่งชีวิตฝ่ายจิตที่พวกเราไม่คุ้นเคย ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้พวกเรามีความล้ำลึกยิ่งขึ้นในความเชื่อของพวกเรา

          ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ของประชากรทุกคน ณ วิหารของพระเจ้าจะมีความงดงามยิ่งขึ้นด้วยของถวายที่มาจากต่างแดน “แกะทั้งหมดแห่งเคดาร์ จะถูกรวบรวมไว้สำหรับท่าน แพะแห่งเนไบโอธ (Nebaioth) จะรับใช้ท่าน พวกสรรพสัตว์จะเป็นที่ยอมรับบนพระแท่นของพวกเรา แล้วพวกเราจะทำให้บ้านอันระโหฐานของพวกเรารุ่งโรจน์” (อสย. 60: 7) ดังที่พวกเราเห็น การมาถึงของผู้อพยพย้ายถิ่นฐานชาวคาทอลิกสามารถเพิ่มชีวิตชีวาให้กับชุมชนซึ่งให้การต้อนรับพวกเขา บ่อยครั้งพวกเขานำมาซึ่งความกระตือรือร้นที่สามารถสร้างชีวิตชีวาให้กับชุมชนและทำให้การเฉลิมฉลอของพวกเราซึ่งทำให้มีรสชาดดียิ่งขึ้น การแบ่งปันกันในการแสดงออกถึงความเชื่อและความศรัทธาที่แตกต่างกันจะช่วยให้เกิดโอกาสพิเศษที่จะมีประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่ถึงความเป็นชาวคาทอลิกแห่งประชากรของพระเจ้า

          ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก นี่จะเป็นโอกาสพิเศษสำหรับบรรดาเยาวชน หากพวกเราปรารถนาที่จะร่วมมือกับพระบิดาเจ้าในการสร้างอนาคต ขอให้พวกเรากระทำดังกล่าวพร้อมกันกับบรรดาพี่น้องชายหญิงของพวกเราซึ่งเป็นผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน ขอให้พวกเราช่วยกันสร้างอนาคตตั้งแต่วันนี้ เพราะอนาคตเริ่มต้นด้วยวันนี้ ซึ่งเริ่มต้นพร้อมกับพวกเราแต่ละคน พวกเราไม่สามารถปล่อยอนาคตไว้ให้เป็นเรื่องของชนรุ่นหลัง ซึ่งภาระความรับผิดชอบในการตัดสินใจที่จำเป็นต้องกระทำ ณ บัดนี้ เพื่อที่จะทำให้แผนการของพระเจ้าได้สำเร็จบริบูรณ์ไปและพระอาณาจักรแห่งความยุติธรรม ภราดรภาพ และสันติสุขของพระองค์จะได้มาถึง

ภาวนา

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้พวกเรามีความหวัง

เพื่อที่ใดที่มีความมืด

แสงสว่างของพระองค์จะได้ฉายแสง

ที่ใดที่มีความท้อแท้

ความมั่นใจในอนาคตจะเกิดขึ้นใหม่

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้พวกเราเป็นเครื่องมือแห่งความยุติธรรมของพระองค์

เพื่อที่ใดที่มีผู้ใดถูกตัดออกไป ภราดรภาพจะได้เจริญเติบโตขึ้น

และที่ใดที่มีความโลภ ขอให้เจตนารมณ์แห่งการแบ่งปันจะมีการพัฒนาขึ้น

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้พวกเราเป็นผู้สร้างพระอาณาจักรของพระองค์

พร้อมกับผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน

และกับทุกคนที่มีชีวิตอยู่ตามชายขอบสังคม

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้พวกเราเรียนรู้ว่านี่ช่างสวยงามเสียนี่กระไร

ที่จะดำเนินชีวิตด้วยกันฉันพี่ฉันน้อง 

อาแมน

ให้ไว้ ณ กรุงโรม มหาวิหารนักบุญยอห์นาเตรัน

วันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2022

ฟรานซิส

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บสาส์นนี้ของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)


1 Saint John Paul II, Address during the Visit to the Roman Parish of Saints Francis of Assisi and Catherine of Siena, Patrons of Italy, 26 November 1989.